อู่ต่อเรือพระเจ้าตาก หรือ อู่ต่อเรือเสม็ดงาม ตั้งอยู่ที่บ้านเสม็ดงาม ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง ห่างจากอำเภอเมือง ๑๑ กิโลเมตร สันนิษฐานว่าเป็นสถานที่ซึ่งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ใช้เป็นอู่ต่อเรือเมื่อครั้งเตรียมยกทัพไปตีพม่า เพื่อกู้เอกราชชาติไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ หน่วยโบราณคดีใต้น้ำ กองโบราณคดี กรมศิลปากร ได้ขุดค้นซากเรือและตรวจสอบชั้นดินทางโบราณคดีตามริมฝั่งอ่าว พบแอ่งน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าลักษณะคล้ายอู่เรืออยู่หลายแห่ง พร้อมทั้งส่วนประกอบต่าง ๆ ของเรือโบราณ และสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเรือสำเภาจีนแบบฟูเจียนขนาดเล็กใช้สำหรับบรรทุกสินค้า มีใบสามเถาใช้หางเรือเสือ ขนาดเรือยาว ๒๔ เมตร กว้าง ๕ เมตร บริเวณใกล้เคียงมีโรงเก็บเรือจำลอง และเรือของชาวบ้านที่เคยใช้กันในอดีต
ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อก ที่นี่...จันทบุรี ติดตามข่าวสาร สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่พัก ในจังหวัดจันทบุรี
วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556
น้ำตกพลิ้ว
น้ำตกพลิ้ว
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอเมือง อำเภอแหลมสิงห์ อำเภอขลุง และอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 134.50 ตารางกิโลเมตร หรือ 84,062.50 ไร่ ประกอบด้วยป่าที่สมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารหลายสาย อยู่ห่างจากจังหวัดจันทบุรีประมาณ 14 กิโลเมตร
ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ถูกเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 11 ของประเทศไทย โดยใช้ชื่อว่า อุทยานแห่งชาติเขาสระบาป แต่ต่อมา นายผจญ ธนมิตรามณี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสระบาป ได้ทำหนังสือขอเปลี่ยนชื่อ อุทยานแห่งชาติเขาสระบาป เป็น อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว เนื่องจาก "น้ำตกพลิ้ว" เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ มีน้ำตกตลอดปี อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป และเป็นจุดเด่นของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2525 เห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อเป็น "อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว"
น้ำตกพลิ้ว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงาม มีน้ำตลอดปี ประกอบด้วยสายธาร 2 สาย สายหนึ่งไหลลดหลั่นผ่านซอกหินผา อีกสายหนึ่งมีขนาดเล็กกว่า แต่ทิ้งตัวลงมาจากผาสูง 20 เมตร ทั้งสองสายไหลมารวมกันในแอ่งน้ำใสสะอาด มากสามารถมองเห็นพื้นล่างซึ่งส่วนใหญ่เป็นหินและทรายในระดับลึกกว่า 2 เมตร ภายในบริเวณน้ำตกและลำคลอง มีปลาใหญ่น้อยหลายชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
น้ำตกพลิ้ว เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญของ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ซึ่งประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดอื่น ๆ รู้จักกันดี อีกทั้ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จประพาสน้ำตกแห่งนี้หลายครั้ง ในระหว่างปี พ.ศ. 2417-2424 และทรงยกย่องว่าเป็นน้ำตกที่งดงามที่สุด ในบรรดาน้ำตกที่พระองค์เคยเสด็จประพาส
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่บนถนนท่าหลวง บริเวณหน้าค่ายตากสิน เป็นอาคารรูปทรงเก้าเหลี่ยม หลังคาเป็นรูปพระมาลา หรือหมวกยอดแหลม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓ ภายในประดิษฐานพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งในแต่ละวันจะมีประชาชนมาสักการะบูชาเป็นจำนวนมาก
ศาลหลักเมืองจันทบุรี
ศาลหลักเมืองจันทบุรี
ศาลหลักเมืองจันทบุรี ตั้งอยู่ถนนท่าหลวง ตรงข้ามกับศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ไม่ปรากฏหลักฐาน ว่าสร้างขึ้นเมื่อใด เป็นเพียงการสันนิษฐานว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงสร้างขึ้นเมื่อครั้งที่เสด็จเข้าเมืองจันทบุรีเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑๐ เพื่อใช้เมืองจันทบุรีเป็นที่รวบรวมไพร่พล ศาสตราวุธยุทธภัณฑ์ และเสบียงอาหาร เพื่อไปกอบกู้กรุงศรีอยุธยา ตัวศาลเดิมน่า จะสร้างด้วยศิลาแลงซึ่งยังปรากฏร่องรอยให้เห็นอยู่แต่ก็ชำรุดโทรมไปมากจนไม่อาจทราบว่ามีรูปทรงอย่างไร ส่วนหลักเมืองและตัวศาลนั้นสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๔ และได้มีการบูรณะซ่อมแซมตัวอาคาร และปรับภูมิทัศน์โดยรอบให้มีความงดงามสมศักดิ์ศรีของเมือง
วังสวนบ้านแก้ว
วังสวนบ้านแก้ว
วังสวนบ้านแก้ว ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ห่างจากตัวเมือง ๖ กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข ๓๑๖ เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๔๙๓-๒๕๑๑ รวม ๑๘ ปี พระองค์ทรงใช้ที่นี่เป็นที่ดำเนินงาน ทั้งเป็นที่ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นตัวอย่างแก่พสกนิกรในพื้นที่นำไปใช้เป็นประโยชน์ต่อไปสิ่งก่อสร้างในบริเวณวังสวนบ้านแก้ว ได้แก่ พระตำหนักใหญ่ (พระตำหนักเทา) เป็นบ้านชั้นครึ่ง ครึ่งตึกครึ่งไม้ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ หม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร ทรงออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง พระตำหนักนี้ทรงใช้เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ และรับรองพระราชอาคันตุกะ ปัจจุบันเป็นที่รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ซึ่งแสดงถึงการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายแบบสามัญ พระตำหนักดอนแค (พระตำหนักแดง) เป็นอาคารทรงยุโรปสองชั้น สร้างด้วยไม้สักทองทาด้วย สีแดงคล้ำ ออกแบบโดย หม่อมเจ้า กรวิก จักรพันธุ์ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้เป็นบ้านพระราชเลขานุการ และรองราชเลขานุการในพระองค์
ถนนอัญมณี
ถนนอัญมณี
ถนนอัญมณี ตั้งอยู่ในตัวเมืองบริเวณถนนศรีจันท์และตรอกกระจ่าง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน นับเป็นถนนสายเศรษฐกิจของจังหวัดที่ผู้ประกอบธุรกิจด้านอัญมณีจะมาซื้อขายพลอยและอัญมณีต่างๆ เป็นประจำทุกวัน นับเป็นตลาดพลอยเจียระไนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนี้ในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ยังมีการค้าขายพลอยดิบอีกด้วย โดยเปิดตลาดในช่วงเช้าเวลา 08.00 น. จนถึงประมาณ 15.00 น. มีนายหน้าหรือตัวแทนซื้อขายพลอยมาชุมนุมต่อรองราคากันอย่างคึกคัก นับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมืองจันทบุรี บนถนนสายแห่งนี้มีพลอยนานาชนิด ที่เป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติหลายชาติเช่น แขก ฝรั่ง หรือแม้แต่คนไทยเองก็ตาม พลอยที่มีชื่อเสียงได้แก่ ทับทิมจันท์ พลอยแดง บุศราคัมบางกระจะ พลอยไพลิน มรกต และแฟนซี บนถนนสายนี้จะคึกคักไปด้วยผู้คน นับว่าเป็นเสน่ห์ของเมืองจันท์
วัดไผ่ล้อม (พระอารามหลวง)
วัดไผ่ล้อม (พระอารามหลวง)
วัดไผ่ล้อมตั้งอยู่เลขที่ ๑๗ หมู่ที่ ๖ ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี วัดไผ่ล้อมมีพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ประชาชนนิยมมาไหว้สักการะบูชา
วัดไผ่ล้อมตั้งอยู่เลขที่ ๑๗ หมู่ที่ ๖ ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี วัดไผ่ล้อมมีพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ประชาชนนิยมมาไหว้สักการะบูชา
วัดมังกรบุปผาราม (วัดเล่งฮัวยี่)
วัดมังกรบุปผาราม (วัดเล่งฮัวยี่)
วัดมังกรบุปผาราม (วัดเล่งฮัวยี่)ที่ตั้งวัด ถนนสุขุมวิท ตำบลพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรีวัดมังกรบุปผาราม มีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า เล่งฮั้วยี่ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2520 มีพื้นที่จำนวน 8 ไร่เศษ เป็นวัดในพุทธศาสนา มหายานฝ่ายจีนนิกาย มีประวัติเกี่ยวข้องกับ พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร(สกเห็ง) ปฐมเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) กรุงเทพฯ และวัดจีนประชาสโมสร (เล่งฮกยี่) จังหวัดฉะเชิงเทราศิลปะสถาปัตยกรรมวัดมังกรบุปผารามสถาปัตยกรรมเป็นลักษณะผสมผสานระหว่างพุทธศิลป์ไทย-จีน ศิลปะแบบสถาปัตยกรรมจีนภาคใต้ถาวรวัตถุที่สำคัญ ๆ ของวัดด้านหน้าวัดมีซุ้มประตูวัด สร้างด้วยศิลปะจีน ลานหน้าวัดด้านนอกเป็นลานโล่งมีสนามหญ้า มีหอแปดเหลี่ยมเคียงคู่กันสองหลัง ที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคและหินขัด เป็นลดลายต่าง ๆ สวยงามหอแปดเหลี่ยม หลังด้านซ้ายเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงจีนคณาณัติจีนพรต(เย็นบุญ) อดีตปลัดขวาจีนนิกาย เจ้าอาวาสวัดทิพยวารีวิหาร และรักษาการเจ้าอาวาสวัดมังกรบุปผาราม ท่านเป็นผู้ดูแลการก่อสร้างวัดได้สำเร็จลง มรณภาพ เมื่อ พ.ศ. 2526 หลังด้านขวาเป็นศาลาที่ระลึก พล.อ.กฤษณ์ ศรีวรา ซึ่งเป็นผู้ได้อุปถัมภ์การก่อสร้างวัดมังบุปผารามด้านหน้าวัดเป็นวิหารท้าวจตุโลกบาล ด้านหน้าวิหารจารึกธารณีภาษาสันสกฤต อักษรสิทธัม ภายในประดิษฐานพระศรีอารยเมตไตรยโพธิสัตว์(หมี่เล็กผ่อสัก) พระโพธิ์สัตว์ผู้จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ด้านหลังเป็นพระสกันทโพธิสัตว์(อุ่ยท้อผ่อสัก) และท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่
วัดสะพานเลือก
วัดสะพานเลือก
ค่ายเนินวง
ค่ายเนินวง
ค่ายเนินวง สร้างในรัชกาลที่ 3 มูลเหตุมาจากกบฏเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ ซึ่งยกทัพเข้ามาตีหัวเมืองทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จนถึงนครราชสีมา อันเป็นที่เกิดวีรกรรมเท้าสุรนารีขึ้น ทางกรุงเทพฯส่งกองทัพขึ้นไปปราบปรามจนเจ้าอนุวงศ์หนีไปพึ่งญวนกลายเป็นเรื่องบาดหมาง ทำให้เกิดสงครามระหว่างไทยกับญวน จึงสร้างขึ้นเพื่อเตรียมรับศึกญวนจันทบุรีเป็นหัวเมืองชายทะเล เดิมตั้งอยู่ที่ ต.บ้านลุ่มฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี ภูมิประเทศไม่เหมาะจะเป็นฐานทัพ รัชกาลที่ 3 ทรงเกรงว่าญวนจะมายึดเอาได้จึงโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) เลือกหาชัยภูมิ มาได้ที่บ้านเนินวง เป็นเนินเล็กๆ พื้นที่สูงสามารถเห็นข้าศึกถึงปากแม่น้ำจันทบุรี เหมาะแก่การตั้งมั่นอย่างยิ่ง จึงลงมือสร้างเมื่อพ.ศ.2377 สร้างอย่างถูกหลักยุทธศาสตร์ โดยสร้างเป็นเมืองป้อม เมืองป้อมเนินวง เป็นรูปสี่เหลี่ยมมีพื้นที่ประมาณ 270 ไร่ สร้างกำแพงสูง ๖ เมตร ล้อมรอบมีป้อม คูน้ำ แลtประตูสี่ทิศ มีปืนใหญ่จุกช่องตามกำแพงเมือง ตั้งเรียงรายไปตามช่องใบเสมา ตั้งจังก้าพร้อมทำการยิง
และเป็นปืนใหญ่ที่ขนาดกว้างปากลำกล้องน่าจะเกิน ๑๕๕ มม.
และเป็นปืนใหญ่ที่ขนาดกว้างปากลำกล้องน่าจะเกิน ๑๕๕ มม.
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี
ตั้งอยู่ในบริเวณค่ายเนินวง ตำบลบางกะจะ เป็นอาคารแฝด 2 ชั้น ภายในจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการค้าทางเรือของไทย มีการรวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ได้จากการดำเนินงานด้านการศึกษาค้นคว้าวิจัยทางโบราณคดีใต้น้ำมาเป็นเวลากว่า 20 ปี โดยมีห้องแสดงหลักอยู่ที่ชั้น 2 ซึ่งได้จัดสร้างเรือสำเภาขนาดเท่าของจริงที่ผู้ชมสามารถเดินเข้าไปชมภายในลำเรือได้ เพื่อบอกถึงเรื่องราวการเดินเรือและการค้าขายระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีห้องของดีเมืองจันท์ ที่จัดแสดงของดีต่าง ๆ ของจังหวัดจันทบุรี อาทิ การทำเหมืองพลอย การทำสวนผลไม้แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และเรื่องราวของชาวชอง ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมของจันทบุรีอีกด้วย
คุกขี้ไก่
คุกขี้ไก่
คุกขี้ไก่ เป็นคุกโบราณ เมื่อปี พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสได้เข้ามายึดครองจังหวัดจันทบุรี และได้สร้างคุกขี้ไก่นี้ขึ้นเพื่อกักขังนักโทษชาวไทยที่ได้ต่อต้านกับชาวฝรั่งเศส ที่มาอยู่ในประเทศไทยนี้ พร้อมกับการสร้างตึกแดง ชั้นบนเป็นที่เลี้ยงไก่สำหรับถ่ายมูลใส่หัวนักโทษข้างล่าง คุกขี้ไก่มีลักษณะเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจุตรัสลบเหลี่ยม มีขนาดกว้าง 4 เมตร สูง 10 เมตร ที่ตั้งของคุกขี้ไก่อยู่หมู่ที่ 1 ตำบลปากแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี
สะพานเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน
สะพานเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน
สะพานเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2539 โดยงานป่าไม้ เป็นผู้สำรวจและออกแบบก่อสร้าง ตัวสะพานทางเดินสร้างด้วยไม้ตะเคียนทอง (Hopea odorata) มีความยาวทั้งสิ้น 1,433 เมตร และยังมีส่วนที่เป็นทางเดินปูด้วยแผ่นหินทรายยาว 363 เมตรรวมเป็นระยะทางเดินศึกษาธรรมชาติทั้งสิ้น 1,793 เมตร จุดเริ่มต้นซุ้มประตูศาลาทางเข้าอยู่บริเวณด้านทิศใต้ของอ่าวคุ้งกระเบน ห่างจากสำนักงานอาคารศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน ฝั่งตรงข้ามถนนเพียง 200 เมตร เส้นทางเดินของสะพาน จะผ่านบริเวณสังคมพืชไม้เบิกนำจำพวกไม้แสม ไม้ลำพู แปลงเพาะชำกล้าไม้ แปลงปลูกป่าไม้โกงกาง แปลงศึกษาวิจัย ข้ามสะพานแขวนไปสู่ป่าธรรมชาติ ที่มีไม้โกงกางขนาดใหญ่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นสมบูรณ์ จากนั้นสะพานจะวกกลับผ่านแปลงทดลองการปลูกป่าชายเลนผสมผสานกับการเลี้ยงปลา ผ่านบ่อทดลองการเลี้ยงกุ้งทะเล ที่มีการรักษาสภาพแวดล้อมโดยระบบชลประทานน้ำเค็ม และไปสิ้นสุดที่ศาลาเชิงทรงซึ่งอธิบายลักษณะของพื้นที่และพันธุ์ไม้ที่ขึ้นอยู่ระหว่างรอยต่อป่าชายเลนและป่าบก บริเวณสะพานทางเดินได้จัดสร้างศาลาสื่อความหมายธรรมชาติ (Nature Interpretation) และระเบียงหยุดพักชมธรรมชาติเป็นระยะๆ เพื่อให้ผู้มาเยือนได้ศึกษาหาความรู้เรื่องราวของป่าชายเลนบนบอร์ดนิทรรศการ พร้อมกับดูตัวอย่างจากของจริงบริเวณรอบ ๆ ศาลา จำนวนทั้งสิ้น 10 ศาลา
ขอบคุณภาพ
คู่หูคนเดินทาง
ตึกแดง (อ.แหลมสิงห์)
ตึกแดง (อ.แหลมสิงห์)
ตึกแดง ตั้งอยู่ที่ ต. ปากน้ำแหลมสิงห์ บริเวณท่าเรือแหลมสิงห์ ใกล้กับคุกขี้ไก่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 พร้อมกับคุกขี้ไก่ เดิมเป็นที่ตั้งของป้อมพิฆาตปัจจามิตร ซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที 3 ต่อมา ต่อมาเมื่อฝรั่งเศสเข้ายึดเมืองจันทบุรีได้รื้อป้องแห่งนี้ลง และสร้างตึกแดงเพื่อเป็นที่พักและกองบัญชาการทหารฝรั่งเศส มีลักษณะชั้นเดียวทาสีแดงหลังคามุงกระเบื้อง
อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ (เดิมเป็นโรงเรียนสอน ศาสนา)เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาธอลิก มีลักษณะตามศิลปะแบบโกธิก เดิมมีหลังคาเป็นยอดแหลมแต่ได้มี การรื้อส่วนแหลมออกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อไม่ให้เป็นเป้าหมายในการโจมตีทางอากาศ มีการตกแต่ง โบสถ์ไม้ฉลุลายประดับกระจกสี เป็นรูปนักบุญในศาสนาคริสต์รูปปั้นพระแม่มารีสีหน้าสงบ เปี่ยมประกายเมตตา ยืนอยู่หน้าวิหารทรงโกธิกซึ่งดูยิ่งใหญ่ หากภายในกลับมีแต่ความสงบเย็น และงดงามด้วยศิลปะตกแต่ง แบบยุโรป อาคารอันงดงามนี้ยืนหยัดผ่านกาลเวลามากว่าศตวรรษ
เขื่อนคีรีธาร
เขื่อนคีรีธาร
เขื่อนคีรีธาร อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 40 กิโลเมตร ป็นเขื่อนกั้นน้ำเอนกประสงค์ ใช้ในหลายๆด้าน ทั้งการผลิตกระแสไฟฟ้า การชลประทาน การประมง และการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในฤดูฝน โดยเขื่อนคีรีธารมีความจุสูงสุดที่ระดับความสูง 205 เมตร จากระดับน้ำทะเล เก็บกักน้ำได้ประมาณ 76 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้แล้วบริเวณอ่างเก็บน้ำของเขื่อนคีรีธารยังมีธรรมชาติที่สวยงามเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ แต่ปัจจุบันยังไม่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากนัก เนื่องจากบริเวณริมเขื่อนไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆไว้บริการนักท่องเที่ยว
หลวงพ่อพอดี วัดหนองอ้อ
บทนี้พาทุกท่านเดินทางมาที่ วัดหนองอ้อ อ.มะขาม จ.จันทบุรี มาพบกับ หลวงพ่อดีแห่งวัดหนองอ้อ
หลวงพ่อพอดีหลวงพ่อพอดีประดิษฐานอยู่ ณ วัดหนองอ้อต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรีเป็นพระประธานที่สร้างโดยกรมศิลปากรและเป็นพระพุทธรูปองค์แรกที่เททองโดยตั้งให้พระเศียรขึ้นตามทฤษฎีของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผลให้พระพุทธรูปผุดผ่องงดงามยิ่ง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)